50 วิธี ทำอย่างไรให้เด็กเก่งภาษาอังกฤษ
โดย Scholastic Sathorn @ Sathorn Learning Center
http://www.sathorncenter.com
- ตั้งเป้าหมายให้ชัด ทำไมถึงอยากให้เด็กเก่งภาษาอังกฤษ ถ้าเก่งแล้วจะเป็นอย่างไร อยากเก่งถึงขั้นไหน
- เลือกวิธีฝึกภาษาอังกฤษตามแนวที่เด็กชอบ เช่น ฝึกจากการอ่านหนังสือ อ่านนิยาย อ่านการ์ตูน อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังข่าว ดูข่าวทีวี อ่านบทความ หาเพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษ หากลุ่มกิจกรรมที่จัดเป็นภาษาอังกฤษ หาครูสอนตัวต่อตัว หาสถาบันสอนภาษา เขียนไดอารี่ เข้าคลาสเรียนภาษา ดูคลิป ซื้อดีวีดีสอนภาษา ดูหนัง
- กำหนดเวลาในแต่ละวันที่จะใช้ในการฝึกภาษาอังกฤษ และลงมือทำ
- ให้กำลังใจเด็กตลอดเส้นทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
- ภาษาอังกฤษเป็นทักษะ ซึ่งต้องใช้ความพยายามและเวลา ความสม่ำเสมอและมุ่งมั่นจะช่วยทำให้สำเร็จ
- เริ่มที่ฝึกพูด ฝึกการสนทนาโต้ตอบก่อน เรื่องGrammarช่วงแรกให้พักไว้ก่อน
- พูดผิด พูดถูก ไม่มีใครว่าเราได้ ให้หัดพูดเลย
- ยิ่งผิดยิ่งรู้ว่าอะไรผิด จะรู้ว่าจุดไหนต้องหาสิ่งที่ถูกมาปรับปรุง ยิ่งทำให้เราใกล้ความจริงขึ้น
- ฝึกพูดบ่อยๆ ใช้ภาษาอังกฤษในทุกโอกาสที่มี ไม่ว่าจะใช้ในระหว่างการเดินทาง ระหว่างเข้าคิวซื้อของ หรือฝึกบอกเส้นทางให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาก็ได้
- หาโอกาสเจอคนที่เก่งภาษา เจอเจ้าของภาษาได้ก็ดี
- ถ้าไม่รู้จักเจ้าของภาษาก็ไม่เป็นไร การได้คุยกับใครก็ได้สักคนที่เก่งภาษาจะช่วยนำเราไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น
- คุยกับคนที่เก่งทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ถามในสิ่งที่เราไม่เข้าใจด้วยภาษาไทย จะทำให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษได้ลึกซื้งขึ้น
- ฟังผู้อื่นพูด เลือกคนที่พูดได้ถูกต้อง แล้วออกเสียงคำต่างๆตาม
- ฟังผู้อื่นพูด เลือกคนที่พูดได้ถูกต้อง แล้วพูดวลีต่างๆตาม
- ฟังผู้อื่นพูด เลือกคนที่พูดได้ถูกต้อง แล้วพูดประโยคต่างๆตาม
- เริ่มฝึกภาษาแบบพื้นฐานก่อน ตอนแรกให้เน้นแบบ รูปแบบประโยคง่ายๆ Present tense ก่อนให้พื้นฐานแน่นๆ
- จดสิ่งที่ได้ยินใหม่ๆในแต่ละวัน นำมาฝึกใช้ตามในช่วงเย็นและช่วงเช้า ฝึกออกเสียงตาม ฝึกจนให้มั่นใจ
- เลือกหนังหรือการ์ตูนเรื่องโปรดของเด็ก เปิดดูและเลือกประโยคที่ชอบมา ฝึกพูดตาม
- ดูหนังสือนิทาน และพูดตามประโยคที่ประทับใจจากในหนังสือ
- อย่าอาย ไม่มีใครเก่งภาษาที่สองหากไม่เคยเริ่มจากก้าวแรก
- เลือกลำดับความสำคัญ หลัก 80-20 ก็นำมาใช้กับการเรียนภาษาได้อย่างดี แบ่งเวลาในแต่ละอาทิตย์ให้กับการตั้งใจเรียนภาษาอย่างจริงจัง
- เลือกว่าถนัดจะสอนเด็กเองหรืออยากให้ครูสอน วิธีการสอนของครูและผู้ใหญ่แต่ละท่านจะต่างกันไป ให้เลือกแบบที่เหมาะกับตัวเด็กที่สุดจะได้ผลดีที่สุด
- หากสอนเอง ให้พิจารณาว่าจุดแข็งจุดอ่อนของเด็กเป็นอย่างไร ควรให้เด็กเรียนรู้แบบองค์รวม หรือควรปูพื้นทักษะด้านใดเป็นอันดับแรกก่อน เช่น การฟัง การพูด การออกเสียง การอ่าน การเขียน ไวยากรณ์ การสนทนาโต้ตอบในชีวิตประจำวัน หรือ คำศัพท์
- เริ่มเรียนรู้คำศัพท์ จากนิทานที่เด็กๆชอบ
- หยิบสิ่งของภายในบ้านมาดูและเรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฉลากสินค้าจนไปถึงคู่มือการใช้สินค้าต่างๆ
- สอนให้เด็กอ่านป้ายร้านค้าต่างๆระหว่างเดินทางนอกบ้าน
- เมื่อไปซื้อของ หัดให้เด็กสังเกตชื่อสินค้าและเรียนรู้จากสิ่งของต่างๆในร้าน
- เริ่มหยิบหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษมาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เลือกหัวข้อข่าวที่เด็กน่าจะสนใจจะอ่านมากที่สุด แล้วดูว่าคำศัพท์ไหนรู้อยู่แล้ว คำศัพท์ไหนยังไม่รู้บ้าง
- ฟังข่าวหรือรายการโทรทัศน์ที่เหมาะกับเด็ก พยายามฟังคำศัพท์และจดไว้
- เลือกวันดีอาทิตย์ละหนึ่งวัน ทบทวนคำศัพท์ที่จดมา ดูการสะกดคำและการออกเสียงที่ถูกต้อง ฝึกออกเสียงด้วยตัวเองบ่อยๆเท่าที่ทำได้
- การออกเสียง และสำเนียง พอโตแล้ว เปลี่ยนยาก แต่เปลี่ยนได้ หากเริ่มฝึกตั้งแต่เด็กยังเล็กจะยิ่งง่ายกว่าฝึกตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว
- วิธีเรียนรู้ ให้เลือกเอาแบบที่ถูกใจสำหรับเด็ก และทำให้เด็กสนใจได้ดีที่สุด การเรียนรู้ที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กมีความสุข
- สำหรับเด็กแต่ละคน คำว่าดี อาจไม่เหมือนกัน เลือกให้เหมาะกับวิธีการเรียนรู้ของเด็กให้มากที่สุด
- เปิดพจนานุกรมแบบออนไลน์ แบบApplication หรือแบบเล่ม หรือจะGoogleหาความหมาย ได้ทั้งนั้น ให้ใช้แบบที่ถนัด
- ที่เด็กไทยฟังฝรั่งพูดอังกฤษไม่ค่อยออก อาจเพราะไม่คุ้นสำเนียง ให้เริ่มจากลองฝึกให้ลูกหัดออกเสียงด้วยสำเนียงที่ถูกต้อง เมื่อรู้ว่าออกเสียงอย่างไรจนคุ้นแล้ว จะช่วยให้เด็กเริ่มฟังได้ง่ายขึ้น
- ให้ภาษาอังกฤษเข้ามาอยู่ในชีวิต ใช้ในชีวิตประจำวันให้มากที่สุด ถึงไม่ได้อยู่เมืองนอก ก็สำเนียงอินเตอร์ได้
- ยิ่งเรียนรู้การออกเสียงที่ถูกต้องเร็วเท่าไร ยิ่งช่วยพัฒนาการทางภาษาให้ก้าวกระโดดเร็วขึ้นเท่านั้น
- อย่าท้อ อย่าถอย ฝึกไปทีละนิดๆ ยิ่งฝึกมากยิ่งใกล้ความจริงมากและเร็วขึ้นเท่านั้น
- ไม่ต้องกลัวจะฟังไม่ออก ให้สอนเด็กให้ใจดีสู้เสือ ใจดีสู้ฝรั่งเลย ตอนที่ครูฝึกใหม่ๆเวลาที่งงมากครูมักจะสวนภาษาไทยกลับไปให้ฝรั่งงงบ้าง แล้วค่อยถามฝรั่งไปใหม่ ว่าเอ๊ะเมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ พูดใหม่ช้าๆหน่อย
- การสื่อสารที่สำเร็จคือเด็กสื่อสารภาษาอังกฤษไปแล้ว แล้วผู้อื่นฟังเข้าใจ แล้วสนทนาโต้ตอบได้ ในช่วงแรกผิดหรือถูกหลักไวยากรณ์ยังไม่ใช่สาระสำคัญ
- “ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษ” คือต้นเหตุหลักๆของเด็กไทยอ่อนภาษา ต้องแก้ให้ตรงจุดครับ คือ หาโอกาสให้ได้ใช้ภาษาให้ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพาเด็กไปเปิดโลกทัศน์ในสถานที่ต่างๆที่จะได้ใช้ภาษาอังกฤษ หมั่นพูดภาษาอังกฤษกับลูกให้บ่อยขึ้น หรือจะพาไปเข้ากลุ่มกิจกรรม หรือเรียนภาษาในแนวบูรณาการเพิ่มเติม
- เรียนแล้วต้องทบทวน ฝึกฝน การเรียนภาษาคือการฝึกฝนทักษะ ถ้าไม่ฝึกก็จะได้แต่ในตำรา แต่ก็จะใช้ในชีวิตจริงได้ไม่สะดวก
- มีคำถามต้องถามให้ถูกคน ให้หาคนที่เข้าใจภาษาอย่างถ่องแท้ให้ช่วยตอบ หากถามผิด จำผิด นำไปใช้ผิด แล้วต้องกลับมาเริ่มแก้ที่ผิดให้ถูก สู้เริ่มให้ถูกตั้งแต่แรกจะลดเวลาวนแก้ไปได้มาก
- ทักษะทางภาษา ไม่ได้เกิดจากการท่องจำหรือมาจากห้องเรียนกวดวิชาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดได้จาก การนำไปใช้ ฝึก และ ฝึก
- กระตุ้นให้เด็กชอบภาษาอังกฤษ เด็กจึงจะอยากเรียน เริ่มจากผู้ใหญ่ใกล้ตัวให้แสดงความชอบภาษาให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่าง (แม้พ่อแม่ยังไม่เก่งแต่สามารถแสดงความกระตือรือล้นในการเรียนรู้ภาษาได้ เมื่อเด็กเห็นก็จะรับรู้อารมณ์จากผู้ใหญ่ได้)
- “กลัวที่จะใช้ภาษาได้ไม่ถูกต้อง” เป็นสาเหตุที่เด็กและผู้ใหญ่อ่านออกเขียนได้ แต่มักไม่กล้าพูดสักที ผู้ใหญ่ควรส่งเสริมให้เด็กลุยใช้ภาษาอังกฤษไปเลย แม้ไม่ถูกต้องในตอนแรก ผู้ใหญ่หรือครูก็จะสามารถเห็นจุดแข็งจุดอ่อนและช่วยแนะปรับแก้ได้ง่ายขึ้น หากไม่กล้าใช้ แม้ก็ไม่มีวันผิด แต่ก็จะไม่มีวันเก่ง
- เด็กๆใช้วิธีการเรียน ที่ต่างกับผู้ใหญ่ ให้สอนแบบที่เด็กชอบ ไม่ใช่ที่ผู้ใหญ่ชอบ
- การจำ เริ่มจากการทำ ฝึกลงมือทำโดยฝึกฟัง ฝึกออกเสียง ฝึกบทสนทนา ฝึกใช้คำศัพท์ ฝึกพูด ฝึกอ่าน ฝึกเขียน ฝึกบ่อยๆจะจำได้ และทักษะจึงจะเกิด
- หาต้นแบบที่ถูกต้องให้เด็ก พ่อ แม่ ญาติ เพื่อน ใครก็ได้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีและเด็กชื่นชอบ ถ้าไม่มีใกล้ตัว ลองหาจากในทีวีหรือจากครู หรือDVDสอนภาษาก็ได้
- สอนเด็กฝึกพูดภาษาไทยอย่างไร ใช้ขั้นตอนนั้นมาสอนเด็กพูดภาษาอังกฤษก็ยังได้ เช่น มาเล่นเลโก้กันลูก แล้วผู้ใหญ่ก็หยิบเลโก้มาพร้อมกับเล่นให้ดู การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันก็เหมือนกัน ให้ผู้ใหญ่พูดอังกฤษกับเด็ก “Let’s play Lego together!” แล้วผู้ใหญ่ก็หยิบเลโก้มาพร้อมกับเล่นให้ดู เด็กก็จะเรียนรู้ตามสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดและทำได้เช่นกัน
เทคนิคเหล่านี้ยังใช้ได้กับทุกคน ทุกวัย ทุกพื้นฐานภาษาครับ
หากมีคำถาม ส่งคำถามมาได้นะครับ ยินดีให้คำแนะนำ
Scholastic Sathorn @ Sathorn Learning Center
สกอลาสติก สาทร @ ศูนย์การเรียนรู้สาทร
http://www.sathorncenter.com
Facebook: Sathorncenter
Email: sathornLc@gmail.com
Tel & LINE: 094-6629498